แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน
การเคลื่อนที่โดยใช้แฟลเจลลัมและซิเลีย |
||
แฟลเจลลัม (flagellum) เป็นโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่พบในโพรโทซัวบางชนิดเช่น ยูกลีนา (Euglena sp.) ทริปพาโนโซมา (Trypanosoma sp.) ไตรโคโมแนส (Trichomonas sp.) มีลักษณะเป็นเส้นมีความยาวประมาณ 100-200 ไมครอน มีจำนวนเพียง 1 หรือ 2 อัน ส่วน ซิเลีย (cilia) พบในโพรโทซัวบางชนิด เช่นพารามีเซียม (Paramecium sp.) วอร์ติเซลลา (Vorticella sp.) สเตนเตอร์ (Stentor sp.) ซิเลียมีลักษณะคล้ายแฟลเจลลัมแต่มีความยาวเพียง 2 -10 ไมครอน และมีจำนวนมากกว่า ทั้งซิเลียและแฟลเจลลัมมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 ไมครอน |
||
รูปแสดงการเคลื่อนที่โดยใช้แฟลเจลลัมและซิเลีย ก. ยูกลีนา ข. พารามีเซียม |
||
โครงสร้างภายในแฟลเจลลัมและซิเลียจะค้ำจุนด้วยหลอดโปรตีนไมโครทิวบลู(microtubules) โดยไมโครทิวบูลมีการจัดเรียงตัวเป็นวง 9 กลุ่ม ๆละ 2 หลอด และตรงแกนกลางอีก 2 หลอด การจัดเรียงตัวของไมโครทิวบูลลักษณะเช่นนี้เรียกว่า 9+2 ไมโครทิวบูลถูกล้อมรอบด้วยเยื่อบาง ๆ ซึ่งเป็นเยื่อที่ติดต่อกับเยื่อหุ้มเซลล์ แฟลเจลลัมหรือซิเลียสามารถพัดโบกหรือโค้งงอได้ เนื่องจากการทำงานของโปรตีนไดนีน (dynein)ที่อยู่ระหว่างไมโครทิวบูลที่เรียงเป็นวงโดยทำหน้าที่เป็นเหมือนแขนที่เกาะกับไมโครทิวบูลจึงเรียกว่า ไดนีนอาร์ม (dynein arm) การพัดโบกหรือการโค้งงอของแฟลเจลลัมหรือซิเลียทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของเซลล์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม การทำงานของแฟลเจลลัมหรือซิเลียถูกควบคุมโดยเบซัลบอดี (basal body) หรือไคนีโทโซม (kinetosome) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่อยู่ในเยื่อหุ้มบริเวณโคนของแฟลเจลลัมหรือซิเลีย ภายในเบซัลบอดีมีการจัดเรียงตัวของไมโครทิวบูลในลักษณะ 9+0 กล่าวคือ ไมโครทิวบูลเรียงตัวเป็น 9 กลุ่ม ๆ ละ 3 หลอด แต่ไม่มีไมโครทิวบูลอยู่ตรงกลาง ได้มีการทดลองตัดเอาเบซัลบอดีออก พบว่า แฟลเจลลัม หรือซิเลียไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ |
||
รูปแสดงโครงสร้างของแฟลเจลลัม |
||
การเคลื่อนไหวของแฟลเจลลัมหรือซิเลียที่ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของเซลล์นั้นพบว่า แฟลเจลลัมจะมีการเคลื่อนไหวแบบคลื่นอยู่เสมอ ส่วนซิเลียจะเคลื่อนไหวแบบแกว่งคล้ายใบพาย แต่ซิเลียในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์จะเคลื่อนไหวแบบโค้งลงแล้วตวัดตั้งตรงมีลักษณะคล้ายคลื่น นักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายกลไกการเคลื่อนไหวของแฟลเจลลัมและซิเลียไว้ว่า เมื่อเบซัลบอดีได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้า แรงกระตุ้นจะถูกส่งไปยังหลอดไมโครทิวบูลตรงแกนกลาง 2 หลอดของแฟลเจลลัมหรือซิเลียซึ่งทำให้ไมโครทิวบูลด้านข้างหดตัวอย่างรวดเร็วมีผลทำให้แฟลเจลลัมหรือซิเลียเกิดการสะบัดอย่างแรง เมื่อเบซัลบอดีส่งแรงกระตุ้นครั้งต่อไป การสะบัดจะลดความแรงลงกว่าครั้งแรก เพราะฉะนั้นไมโครทิวบูลจะหดตัวอย่างช้า ๆ ทำให้ แฟลเจลลัมหรือซิเลียสะบัดกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมอย่างช้า ๆ การสะบัดของแฟลเจลลัมหรือซิเลียที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของโพรทิสต์ |
||
รูปแสดงการเคลื่อนที่ของพารามีเซียมโดยการทำงานของซิเลีย |
||
ภาพเคลื่อนไหวแสดงการเคลื่อนที่ของพารามีเซียม |
||
รูปแสดงการพัดโบกของแฟลเจลลัม |
||
ภาพเคลื่อนไหวแสดงการเคลื่อนที่ของยูกลีนา |
||
ตารางเปรียบเทียบระหว่างแฟลเจลลัมกับซิเลีย |
||
ความเหมือนกัน |
ความแตกต่างกัน |
|
1. หน้าตัด ประกอบด้วยหลอดโปรตีนเล็กเรียกว่าไมโครทูบูล (Microtubule) จัดตัวอยู่ภายในเยื่อหุ้มทั้งหมด 9 กลุ่ม กลุ่มละ 2 หลอด และมีตรงกลางอีก2 หลอด เรียกรหัสเช่นนั้นว่า 9 + 2 (9 + 2 = 20) ยกเว้น แฟลเจลลัมของแบคทีเรียมีเส้นใยโปรตีน Flagellin และไม่เป็นสูตรรหัส 9+2 แต่อย่างใด
ภาพตัดขวางของซิเลียและแฟลเจลลัม |
1. ความยาว แฟลเจลลัมยาวมากกว่าซิเลียถึง 50 เท่า หมายเหตุ หากพบโครงสร้างที่ยื่นออกมาจากเซลล์ที่ทั้งยาวมากและมีจำนวนมาก นิยมเรียกว่า แฟลเจลลัมเช่นแฟลเจลลัมของโพรโตซัวในลำไส้ปลวก (Trichonympha sp.)
|
|
|
3. โพรโตซัว ที่มี
|
|
เอกสารอ้างอิง: |
||